วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559

MY DIARY 15/10/2559

สวัสดี ยามดึก...

ทุกๆคนเคยเป็นกันไหม?

ง่วง เหนื่อย อ่อนเพลีย

แต่นอนไม่หลับ...




จริงๆ แล้ว ไม่ได้อยากจะมาชวนโม้อะไรหรอก

วันนี้อยากจะมาระบาย

ความรู้สึก

ที่อัดอั้นตันใจ

ไม่อยากโพสในเฟสบุค

ไม่อยากให้คนรู้จักเห็น

ว่าตอนนี้เราอ่อนแอเพียงใด





เคยรู้สึกไหม

ยิ่งโตขึ้นเท่าไหร่

เรายิ่งเห็นคนที่รักค่อยๆจากเราไป




เรายังจำวันที่พ่อ

จากเราไป

วันนั้น...

จำได้ดี

ทั้งๆที่ ไม่ได้อยากจะจำมันเลย



พยายามลืมมันไป

พยายามไม่นึกถึงมัน

นึกถึงแต่เรื่องอื่นสิ

เรื่องของที่ตัวเองอยากได้

นึกถึงสิ่งที่ตัวเองฝัน




เราจะหยุดเจ็บปวดได้

ก็ต่อเมื่อเราลืม




ใช้ชีวิตไปวันๆ

ไม่ได้คิดถึงอะไร

จนวันที่ไม่คาดหมาย

ไม่อยากแม้จะนึกถึงมัน

ก็มาถึง





วันที่คุณพ่อ คนที่ 2 คนนี้ ได้ลาจากเราไปแล้ว

เราไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย

ไม่ได้ร้องให้ตาบวม

แต่ความรู้สึก มันเจ็บปวดจากข้างใน

 เจ็บแปล๊บ



เราไม่เข้าใจ

มันไม่ยุติธรรม

พ่อของเรา จากไปทั้ง 2 คนเลยหรอ

มันเจ็บปวด ที่ต้องเห็นคนที่เรารัก

หายไปทีละคน

โดยที่เราก็ไม่รู้

ว่าจะเจอเขาได้จากที่ไหน



เสียใจ

ข้างในมันร้องไห้

แต่มันก็ว่างเปล่า

ไม่อยากรับรู้

ไม่อยากคิด

ไม่อยากทำอะไร

ไฟในร่างกายมันหาย

ไม่มีแรงจะโกรธกับใคร



ท่านจากเราไปแล้ว...




วันแรกที่ประกาศ

ไม่เชื่อ

แถมไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก

ยังงงๆอยู่




แต่เช้าถัดมา

วันนี้รู้สึกแปลกๆ

รู้สึกร่างกายมันตาย

มันเจ็บปวดในหัวใจ

มันว่างเปล่า

มันไม่อยากทำอะไร




จนตอนนี้ก็ยังรู้สึกอยู่




ไมรู้จะหลับลงยังไง




ไม่อยากโตแล้วได้ไหม


ไม่อยากเห็นอะไรมากไปกว่านี้


อยากหยุดเวลาไว้


พอแล้ว หยุดสักที


ไม่ได้มีความสุขนะ



แต่ไม่อยากเห็นอะไรเจ็บปวดมากไปกว่านี้




เพิ่งเคยได้ยินแฟนร้องให้

ตกใจมาก

แฟนเราเป็นคนเข้มแข็งมาก

มีเรื่องอะไรเค้าก็ไม่เคยร้องไห้ให้เราได้ยินเลย

แต่เรื่องนี้มันบั่นทอนจิตใจเขามากเกินไป



เราไม่อยากได้ยินเสียงร้องไห้ของใคร


ตอนนี้ 

ขอให้แม่อยู่กับน้องมุกไปนานๆ

พ่อไม่อยู่ทั้ง 2 คนแล้วนะ




พ่อผู้ให้ชีวิต

พ่อของแผ่นดิน





ตอนนี้พ่อคงได้รับเสด็จพระองค์ท่านแล้วนะ




ชีวิตต่อจากวันนี้

ไม่รู้จะเป็นอย่างไรต่อไป

จะดีร้าย



เราไม่มีวันรู้หรอก

ว่าคนที่ยิ้มให้คุณ

จริงๆแล้ว เค้าอาจจะอยากเฉือนคุณมากแค่ไหน

หลังจากนี้ 

อาจไว้ใจใครไม่ได้อีก




สิ่งที่เราเชื่อเหลือเกิน

คือข้อพิสูจน์

อย่าเชื่อในสิ่งที่คนอื่นพูด



แม้แต่สิ่งที่ตาเราเห็น

ก็ไม่อาจเชื่อได้เสมอไป

เชื่อในสิ่งที่มันพิสูจน์ได้

และได้รับการยินยอมว่ามันคือเรื่องจริง




นี่คือสิ่งที่ตัวเรา

ต้องเรียนรู้ต่อจากนี้



15/10/2016

สาวยุคสมัย ร.9







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น