วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559

MY DIARY 15/10/2559

สวัสดี ยามดึก...

ทุกๆคนเคยเป็นกันไหม?

ง่วง เหนื่อย อ่อนเพลีย

แต่นอนไม่หลับ...




จริงๆ แล้ว ไม่ได้อยากจะมาชวนโม้อะไรหรอก

วันนี้อยากจะมาระบาย

ความรู้สึก

ที่อัดอั้นตันใจ

ไม่อยากโพสในเฟสบุค

ไม่อยากให้คนรู้จักเห็น

ว่าตอนนี้เราอ่อนแอเพียงใด





เคยรู้สึกไหม

ยิ่งโตขึ้นเท่าไหร่

เรายิ่งเห็นคนที่รักค่อยๆจากเราไป




เรายังจำวันที่พ่อ

จากเราไป

วันนั้น...

จำได้ดี

ทั้งๆที่ ไม่ได้อยากจะจำมันเลย



พยายามลืมมันไป

พยายามไม่นึกถึงมัน

นึกถึงแต่เรื่องอื่นสิ

เรื่องของที่ตัวเองอยากได้

นึกถึงสิ่งที่ตัวเองฝัน




เราจะหยุดเจ็บปวดได้

ก็ต่อเมื่อเราลืม




ใช้ชีวิตไปวันๆ

ไม่ได้คิดถึงอะไร

จนวันที่ไม่คาดหมาย

ไม่อยากแม้จะนึกถึงมัน

ก็มาถึง





วันที่คุณพ่อ คนที่ 2 คนนี้ ได้ลาจากเราไปแล้ว

เราไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย

ไม่ได้ร้องให้ตาบวม

แต่ความรู้สึก มันเจ็บปวดจากข้างใน

 เจ็บแปล๊บ



เราไม่เข้าใจ

มันไม่ยุติธรรม

พ่อของเรา จากไปทั้ง 2 คนเลยหรอ

มันเจ็บปวด ที่ต้องเห็นคนที่เรารัก

หายไปทีละคน

โดยที่เราก็ไม่รู้

ว่าจะเจอเขาได้จากที่ไหน



เสียใจ

ข้างในมันร้องไห้

แต่มันก็ว่างเปล่า

ไม่อยากรับรู้

ไม่อยากคิด

ไม่อยากทำอะไร

ไฟในร่างกายมันหาย

ไม่มีแรงจะโกรธกับใคร



ท่านจากเราไปแล้ว...




วันแรกที่ประกาศ

ไม่เชื่อ

แถมไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก

ยังงงๆอยู่




แต่เช้าถัดมา

วันนี้รู้สึกแปลกๆ

รู้สึกร่างกายมันตาย

มันเจ็บปวดในหัวใจ

มันว่างเปล่า

มันไม่อยากทำอะไร




จนตอนนี้ก็ยังรู้สึกอยู่




ไมรู้จะหลับลงยังไง




ไม่อยากโตแล้วได้ไหม


ไม่อยากเห็นอะไรมากไปกว่านี้


อยากหยุดเวลาไว้


พอแล้ว หยุดสักที


ไม่ได้มีความสุขนะ



แต่ไม่อยากเห็นอะไรเจ็บปวดมากไปกว่านี้




เพิ่งเคยได้ยินแฟนร้องให้

ตกใจมาก

แฟนเราเป็นคนเข้มแข็งมาก

มีเรื่องอะไรเค้าก็ไม่เคยร้องไห้ให้เราได้ยินเลย

แต่เรื่องนี้มันบั่นทอนจิตใจเขามากเกินไป



เราไม่อยากได้ยินเสียงร้องไห้ของใคร


ตอนนี้ 

ขอให้แม่อยู่กับน้องมุกไปนานๆ

พ่อไม่อยู่ทั้ง 2 คนแล้วนะ




พ่อผู้ให้ชีวิต

พ่อของแผ่นดิน





ตอนนี้พ่อคงได้รับเสด็จพระองค์ท่านแล้วนะ




ชีวิตต่อจากวันนี้

ไม่รู้จะเป็นอย่างไรต่อไป

จะดีร้าย



เราไม่มีวันรู้หรอก

ว่าคนที่ยิ้มให้คุณ

จริงๆแล้ว เค้าอาจจะอยากเฉือนคุณมากแค่ไหน

หลังจากนี้ 

อาจไว้ใจใครไม่ได้อีก




สิ่งที่เราเชื่อเหลือเกิน

คือข้อพิสูจน์

อย่าเชื่อในสิ่งที่คนอื่นพูด



แม้แต่สิ่งที่ตาเราเห็น

ก็ไม่อาจเชื่อได้เสมอไป

เชื่อในสิ่งที่มันพิสูจน์ได้

และได้รับการยินยอมว่ามันคือเรื่องจริง




นี่คือสิ่งที่ตัวเรา

ต้องเรียนรู้ต่อจากนี้



15/10/2016

สาวยุคสมัย ร.9







วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2559

How to: Everyday look สาย ฝรั่ง แต่เบาๆ สไตล์ Diana korkunova [IG girls look]




สวัสดีค่าาาาาาาาา

ทุกๆโคนนนน
ทั้งคนที่เคยผ่านมาอ่าน และคนที่เพิ่งผ่านเช้ามาอ่านนะ
จำเราได้มั้ย 5555



เราหายจากการเขียนบล็อกไปเกือบปี เอ๊ะ หรือ เกินแล้วว
เราไปทำงานค่าทุกคน เพราะถ้าไม่ทำงาน
จะไม่มีเงินมาซื้อเครื่องสำอางค์น้า555


ช่วงนี้อะไรๆ ก็สาย ฝ. เทรนนี้มาแรงมาก
ไม่ว่าจะการแต่งรูป แต่งตัว
โดยเฉพาะ Make up เนี่ย แรงฉุดไม่อยู่เลยจริงๆ


โดยส่วนตัว เราเป็นคนที่ชอบแต่งหน้าแนวฝรั่งอยู่แล้ว
อาจดูได้จาก Blog เก่าๆ ที่เราเขียนนะ

พอเทรนด์นี้มา ก็เข้าทางเลย

Inspiration ชองเราในวันนี้คือ


Diana korkunova

เป็นนางแบบ และ net idol สาวลูกครึ่ง รัสเซีย-ปากีสถาน


ซึ่งจะเห็นได้ว่า หน้าของไดอาน่า มีความเอเชียอยู่มาก
ดังนั้น เราก็สามารถแต่งตามได้โดยไมต้องคิดมากเลย


แถมโทน Make up ของนาง ก็เบาๆ เหมาะกับ Everyday look ด้วยทุกคนนน
แต่งไม่ยากหรอก (แต่ก็หลายขั้นตอนเหมือนกัน55)

งั้น....

Let's get into the tutorial!!!




นี่คือหน้าสดที่ผ่านการทาครีมและบำรุงปากมาแล้ว

ไม่เจอกันนาน คิดถึงเค้ามั้ยยย : ตูไมรู้จักเมิงเว้ยยยย นังเด๋ออ 555

มาเริ่มกันที่ Base makeup ก่อน
นี่คือเครื่องสำอางค์ทั้งหมดที่เราใช้


1. Missha - M Magic cushion No.21
2. 3CE - Back to baby bb cream (ตัวนี้มีสีเดียวจ้า)
3. Collection - lasting perfection ultimate wear concealer #03 warm medium
4. Srichan - loose powder (แป้งคุมมันสุดที่รัก)


เนื่องจากลุคนี้ เป็น everyday ดั้งนั้นเราจะใช้ BB ลงด้วย ฟองน้ำคุชชั่น
 เราอยากได้ความเป็นธรรมชาติ เพราะผิวนางดูไม่โบ๊ะมาก
การใช้ฟองน้ำคุชชั่น มันจะกดให้ bb กลืนลงไปกับผิว
ผลที่ได้ก็จะเหมือนเป็นผิวจริงๆ แต่มีความดูดีขึ้นมา


ความแตกต่างง ก็ไม่ต่างเท่าไหรนะ ผิวดูเนียนและสว่างขึ้นมาหน่อย

ถึงจะลง 2 ชั่น แต่ก็ยังรู้สึกเบาหน้าอยู่


เราจะเพิ่มมิติให้กับหน้า ด้วยคุชชั่นชองมิสชา 
เพราะเราอยากได้ลุคทีบางๆผิวๆ เลยไม่เลือกคอนซีลเลอร์
ประกอบกับเจ้านี่มันขาวไปสำหรับเรา
เราเอามาลงเฉพาะจุด หน้าผาก จมูก ใต้ตา และคาง
ตบๆเข้าไปในผิวเลยยยย


เห็นความต่างไหม มันช่วยได้จริงๆนะ

วันนี้ใต้ตาคล้ำมาก ขอกลบด้วย cream blush สีส้ม เพื่อตัดกับรอยคล้ำดำๆใต้ตา
แล้วค่อยลง concealer 
อื้มมม ดีขึ้นมาหน่อย

เซ้ตด้วยแป้งไว้ก่อน พอสักพักผิวขับน้ำมันออกมา ก็จะพอดี 

จากรูป เราไม่เห็นสีแก้มบนหน้าของ ไดอาน่าเลย
แต่เราจะลงครีมบลัชสีส้มของ passion ville เพราะเราซีดด

เรา Bake แป้งที่ใต้ตา กับปีกจมูก แปปนึง เพราะเป็นจุดมันอยางแรง
แล้วก็ใช้พัฟที่มีแป้งติดเหลือๆกดๆส่วนอื่นบนหน้า
แล้วเอาแปรงปัดๆออก

เราไม่ได้ลงทั้งหมดหน้านะ ไม่อยากให้หน้ามันดู powdery เกินไป อยากให้มันดูผิวๆมากกว่า


มาต่อกันที่ให้ชีวิตชีวาบนหน้าบ้างดีกว่า

1. Essense - sun club matte bronzing powder #01 natural
2. Passion ville blush on the road #06 The peach tree road
2. Becca shimmering skin perfector # champagne pop

essense ตัวนี้ คอนทัวร์ไม่ค่อยโอ แต่พอเอามา bronze หน้าแล้วมันธรรมชาติมากๆ เข้ากับผิวเหลืองๆของเราเลย



มา Bronze up หน้าก่อน เพราะตอนนี้ซีดมากกก
เรายังไม่ได้ contour หน้านะ ทุกคนอย่าเข้าใจผิด

เราแค่ปัดให้ผิวดูอุ่นขึ้น เป็นการปรับโทนผิวด้วย
เราฝรั่งหรือคนที่ผิวซีด เค้าทำแบบนี้ก่อนที่จะคอนทัวร์หน้ากัน

ถามว่าจำเป็นมั้ย? จำเป็นนะสำหรับคนผิวซีดๆหรือขาวมากๆ เพราะมันจะทำให้การ คอนทัวร์ดูไม่โป๊ะด้วย
ถ้าอยากสาย ฝ. ก็ทำซะ


พักแต่งหนังหน้าแปปนึง เรามาแต่งตากันก่อน
ง่ายมากๆ


1. ABH modern renaissance palette 
2. Majolica majorca Lash esthtician 
3. In2it waterproof gel liner #black
4. Mistine Super black eye liner

"เราจะใช้สีน้ำตาลอ่อน อมเหลืองๆ Raw sienna
กับ สีครีมแมต tempera"  

สีจ๋วย โดนใจมากกกก  สาย ฝ. ห้ามพลาด พาเลตนี้



ใช้ Raw sienna คัดเบ้าตา และลงช่วงหัวตาบน
จากนั้น ลงมาที่หางตาล่าง เข้ามาจากหางเกือบสุดหัวตาล่าง

ใช้สีขาวแมตลงที่หัวตาล่าง

ขออภัยในแสงภาพ เเพราะตอนนี้ฝนกำลังจะตก และมันก็เริ่มตกลงเรื่อยๆ ตลอดการถ่าย
ใช้สีขาวแมต ลงตรงกลางตาและหัวตา แล้วใช้แปรงสะอาด (ซึ่งอันนี้ก็ไม่สะอาดนัก)
เบลนด์ทุกอย่างให้เชื่อมกัน


อยากให้ขอบตาดูฟุ้งๆ ค่อยๆเข้มขึ้นมา

กรีดตาแบบวิงหาง เราจะกรีดช่วงหัวตาแบบบางๆ
เราใช้แบบเจลเขียนด้วยแปรงก่อน เพื่อนเป็น ไกด์ไลน์

แอบ recommend mistine ตัวนี้ ถูกและดีเขียนง่าย ดำชัด ติดทน

อย่าลืมลงตรงหางตาล่างด้วย แต่ไม่ต้องเลยมาถึงกลางตานะ

จากนั้นใช้แบบปากกาลิขวิด เขียนเติมช่องระหว่างขนตา และเขียนแบบชิดโคนขนตา


วิงหางตามรอยที่เขียน jel liner ไว้เลย (ณ จุดๆนี้ วิงหางได้เห้มาก5555)

สุดท้ายแล้ว เอาแปรงที่เขียนแบบเจล มาเบลนระหว่างลิขวิดกับเจล

ให้เส้นมันไม่แข็งจนเกินไป

สร้างชั้นตาให้ชัดเจนขึ้น กันเถอะ


Hello eye tape size L
ตัวนี้ เนียนที่สุด ตั้งแต่ที่เคยใช้มา

จะได้ชั้นตาที่ชัดขึ้น แต่ไมได้หนามากมาย

ถึงแม้หน้าของไดอาน่า ค่อนข้างจะเอเชีย

แต่นางก็เป็นฝรั่ง จริงๆแล้วนางค่อนข้างมีชั้นตานะ

เราใช้เทปของ hello size L ติดเหนือรอยพับตา ขึ้นมาหน่อย

แต่ให้หางขนานกับรอยพับตา




อันนี้เป็นวิธีการปัดส่วนตัวของเรานะเคอะ
ซึ่งเราทำแล้วได้ผลดีกว่าการปัดแบบธรรมดา

ก่อนอื่นเราจะขอปัดขนตาล่างก่อน เพราะจะได้ตั้งใจปัด555 อยากให้มันฟุ้งๆ

1. ใช้หัวแปรงที่ชุ่มเนื้อมาสคาร่า เกลี่ยให้ทั่ว ทุกเส้นขนตา เอาให้ฉ่ำๆไปเลย
2.  ช้อนแปรงไว้ข้างล่าง(ถ้าเป็นขนตาบนก็ไว้ข้างบน) แล้วม้วนออก เพื่อนเป็นการดัดขนตาและแยกเส้นขนตา
3. ปัดแบบธรรมดา เพื่อต่อขนตา 
4. ทำซ้ำซัก 2 รอบก็พอ


ขนาดเป็นสูตรล้างออกง่าย ก็ยังโคตรติดทน

มันก็จะให้ความเข้มประมาณนี้ ตัวนี้จะออกธรรมชาติหน่อย ไม่ได้เหมือนติดขนตาเท่าไหร่

ขนตาจะดูฟูสวยมาแต่กำเนิด


ติดขนตาให้ปังแบบธรรมชาติกัน


1. Daiso eye lash glue
2. Red cherry eye lashed #412 
(อันนี้นาจะเป็นของปลอม ซื้อคู่ละ 25 บาท จากตะวันนา แต่แผงมันแยกเส้นสวย ฟุ้งๆดี)
3. Etude house eye lash curler


เราลืมถ่ายตอนติดขนตาไว้อ่าาาา เอาเป็นว่า ก็ติดธรรมดาแหละ ตามที่ทุกนถนัดนะ


มาต่อที่งานคิ้ว



1. Cute press Twilight  Garden eye&brow palette
2. Etude house eyebrow brush
3. In2it  gel liner #black

สีนี้เป็นธรรมชาติ ไม่น้ำตาลเกินไป ออกสีกาแฟ แถมพิกเม้นต์ดี

ลุคนี้ถึงจะดูธรรมชาติ แต่คิ้วนี่ต้องเด่นสุด

เราใช้แปรงแตะเจลไลเนอร์บางๆ มาสร้างโครงคิ้ว ด้านล่าง (ณ จุดนี้ไม่ได้กันคิ้วร่าาา)

เอาสีที่ติดแปรงมาเบลนด์ให้เป็นรูปร่าง

เราแอบเอาลิขวิดไลเนอร์ มาเขียนเป็นเส้นขนคิ้ว เพราะขนคิ้วนางค่อนข้างชัด

และจิ้มสีน้ำตาลเข้มในพาเล็ต มาเบลนด์

ใช้คอตต้อนบัต เก็บรายละเอียด

ต่อด้วยการใช้สีขาวแมต มาไฮไลต์ ใต้โหนกคิ้ว เอิ่บ ไม่ใช่สิ รอบๆโครงคิ้วเลย

คิ้วจะดูคมและชัดขึ้น


มาต่อกันที่งานเหลาดั้งกันเถอะ

เราจะกลับไปที่ พาเลต ABH


ใช้สี warm taupe น้ำตาลเทา งามๆ


ใช้แปรงหัวพุ่ม ระบายตั้งแต่สันจมูก

เช็ดแปรงหน่อยนึง แล้วค่อยๆไล่ลงมา ณ จุดนี้ เอาให้เป็นเส้นเลย

เก็บปีกจมูก ไล่ออกมาด้านข้าง

ใช้สีขาวแมต Tempera (เป็นสีขาวที่เนื้อชัดมากๆๆๆ) ระบายตรงกลางดั้ง

และใช้แปรงเบลนด์สะอาดๆ เบลนด์ให้เส้นไม่แข็งจนเกินไป

แต่ก็ไม่ต้องนวลกลมกลืนประหนึ่งเนื้อเดียวกันนะ




Contour หนังหน้า

เราใช้สี warm taupe เช่นเดิม

เราใช้ buffing brush เพื่อให้เนื้อมันนวลเนียนกลมกลืนกับหนังหน้า

เราบีบแปรง buffing brush ให้แบนๆ ปาดสี warm taupe ขีดลงบนหน้าให้เป็นเส้น

เส้นนี้เริ่มจาก กลางกกหู ไล่เฉียงลงมา เกือบตรงกับหางตา

จากนั้นก็เบลนๆๆๆ



สิ่งนี้ห้ามลืมเด็ดขาดดด

เพราะสาย ฝอ ต้องมีความโกลวววว์

อ้อ เราใช้สี warm taupe ลงเพิ่มมิติใต้ปากล่างหน่อย ให้แลดูเหมือนฟันล่างเข้าไป5555

และใช้ Becca shimmering skin perfector # champagne pop

ปาดเป็นรูปตัว C จากหางคิ้วโค้งลงมาถึงหน้าแก้ม

แล้วก็เบลนด์

เอาแปรงเล็กๆ มาปัดไฮไลท์หน่อย ตรงปลายจมูก และคาง

จะได้โกลว์เสมอกันทั้งหน้า


งานปากกกก

เป็นเนื้อแมตที่ทาแล้วสบายปาก ปาดชั้นเดียว สีชัด รู้เรื่อง  แถมสีนี้ใช้ได้ทุกวัน ทุกสีผิว

Sleek Matte me # bitter sweet


เราขอลงสีชมพูเป็นเบสก่อนนะ

เราไม่เน้นขอบชัดมาก อยากได้เบลอๆ

เราใช้คอนซีลเลอร์ collection #03 ตัวเดิม ลบขอบปาก

เขียนเป็นตัว x แล้ววาดเส้นลงมา

จากนั้นระบายให้เต็ม

เราวาดขอบปากล่างเกินมานิดนึง เว้นขอบข้างๆไว้ ไมต้องเนี้ยบมาก


เพราะเราจะใช้อนซีลเลอร์ เบลอขอบปากนั้นเอง 

ใช้แปรงปาด และเอานิ้วตบๆให้เข้ากัน 

จริงๆ เราจะทาแนี้ก็ได้นะ สำหรับ everyday look สีชมพูทำให้หน้าสดใสดี

แต่วันนี้เรามาในลุคของไดอาน่า ดังนั้นเราก็ต้องนู้ด

แต่เราไม่มีสีนู้ดแบบนั้นอะ ที่นู้ดออกน้ำตาลส้มๆ




เนื่องจากเนื้ออายแชโดวของ ABH เนียนนุ่มมากจริงๆ
ใช่แล้ว เราจะนำนางมาทาปาก เราใช้สีน้ำตาลส้ม มาระบายทับลิปสีชมพูที่เราลงไว้ก่อนหน้านี้

เมื่อเรามีพื้นเป็นสีชมพูแล้ว ลงสีน้ำตาลนี้ทับไป ก็จะพอดี เป็นสีปากที่ไม่นู้ดจนป่วยไป

ยังมีติ่งชมพูระเรื่อๆ อยู่ขอบปากด้านใน

โอเค เสร็จแล้วววว


รวมๆ กลิ่นอายก็จะได้โทนเดียวกัน

ส่วนเรื่องเบ้าหน้านั้น น้องไม่ขอพูดถึง










วันนี้ลาไปเพียงเท่านี้

เรายังมีลุคที่อยากเล่นกับ พาเล็ต ABH modern renaissance อีก

รอรับชมละกันนะค้าาา

ไม่นานเกินรอแน่นอน

เจอกันบล็อคหน้าค่าาา

THANKS FOR WATCHING XOXO 



วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558

[HOW TO] มาทำแวกซ์กำจัดขนด้วยไมโครเวฟกันเถอะ


จริงๆปกติเราไม่เคยใช้แวกซ์กำจัดขนเลยนะ ส่วนมาเราจะใช้เป็นครีมกำจัดขนมากกว่า

แต่ปัญหาที่พบคือ... 

ขนขึ้นใหม่เร็วมาก!!
แถมเส้นหนาขึ้นว่าเดิมอีก!!

เลยมีความคิดว่าควรจะถอนรากถอนโคนมันซะ

จะใช้แหนบค่อยๆดึงกว่าจะหมดขาเส้นที่ถอนไปคงงอกมาใหม่พอดี

ไอจะไปแวกซ์ที่ร้าน ก็แพงไป๊ เปลือง[หราา แล้วทีซื้อเครื่องสำอางค์ล่ะ?]


เสิร์ชไปเสิร์ชมาก็ไปเจอสูตรใน Pantip
แต่... เราอยู่หอพักซึ่ง ... ไม่มีเตาแก๊สมีแต่ไมโครเวฟกับกระทะไฟฟ้า

แล้วจะทำยังไงน้อ.. ก็อ่านตามคอมเม้นจนมาเจอสูตรของอมยิ้มท่านหนึ่ง
เลยแอบขอเอามาปรับใช้ แล้วก็มาทำ How to ให้เพื่อนๆดูกันนะคะ



อุปกรณ์



1. น้ำตาลทรายขาว   1 ถุง [เราใช้ของลิน ซื้อในเซเว่น 13 บาทไทย]
2. มะนาว ครึ่งลูก 
3. น้ำเปล่า
4. กระดาษหรือผ้าดิบ ผ้าแวกซ์อะไรก็ได้ตามชอบ
แต่เราใช้กระดาษสีน้ำตาล เป็นม้วนๆ ซื้อที่ B2S 15 บาท เอามาตัดเป็นสี่เหลี่ยมหลายๆขนาด
ถูกและหาง่ายดี เสียดายผ้า
5. แป้ง เอาแป้งอะไรก็ได้ แป้งเย็น แป้งเด็ก แป้งข้าวโพด ที่มีอยู่ในบ้านได้หมด
เราใช้แป้ง Rice care สีชมพู เพราะเนื้อแห้งที่สุดในบรรดาแป้งทั้งหมดที่มี


ของพร้อมแล้ว มาทำกันเล้ยย


เราใช้น้ำตาลทราย 8 ช้อนโต๊ะ เทใสลงถ้วยกระเบื้อง เราไม่ใช้ถ้วยพลาสติก หรือแก้ว เพราะจะเวฟนาน



                                บีบน้ำมะนาวลงไปครึ่งซีก


ตามด้วยน้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
เอาง่ายๆสัดส่วนคือ น้ำ1:น้ำตาล3 [ทำไมเราใช้ 4 วะ]


เอาช้อนคน กวนให้เข้ากัน แต่ไม่ต้องถึงกับละลายเป็นหนึ่งเดียวนะ
แค่ให้มันเข้ากันกับน้ำพอ


ให้เนื้อมันตืดๆแบบนี้ น้ำตาลยังเป็นเม็ดๆอยู่


เวฟด้วยไฟอ่อน อย่าใจร้อนเอาไฟกลางนะ
ตั้งเวลา 30 นาที เปิดคนทุก 5 นาที


เวฟต่อด้วยไฟแรง ด้วยเวลา 2 นาทีให้เดือดปุดๆแบบนี้เลย
ไม่ต้องกลัวไหม้ ถ้าไม่เกิน 3 นาที ไม่ไหม้แน่นอน
ต้องให้ปุดๆนะ ไม่งั้นมันจะไม่แข็งตัว

แล้วก็เสร็จ...


สีจะประมาณนี้ เหมือนน้ำผึ้งเลย 
รอให้มันเย็นตัวจากน้ำเชื่อมเหลวๆ็จะเหนียวขึ้นเป็นแวกซ์


ทิ้งไว้สัก 15 นาทีแล้วเทใส่กระปุกแก้ว หรือกระเบื้อง
ถ้าจะใช้เลยก็รอให้มันเย็นอีกสัก 20-30 นาที 
ห้ามรีบร้อนลงแวกซ์นะ ไม่งั้นลวกผิวเป็นแผลเป็นเลยเชียวขอบอก

ถ้าอยากให้เย็นเร็วก็เอาที่ใส่กระปุกแล้วแช่ลงในชามใหญ่ๆแล้วใส่น้ำเย็นจัด และ น้ำแข็งลงไปในชาม
อย่าให้น้ำเข้ามาโดนตัวแวกซ์นะ 
วิธีนี้แวกซ์จะเย็นเร็วขึ้น
อย่าแช่ตู้เย็นเชียวนะ เปลืองไฟแย่เลย


เวลาจะใช้ก็ควักจากกระปุกมาใส่ภาชณะที่ทนความร้อนได้ เช่นถ้วยกระเบื้อง
เข้าเวฟไฟแรง 1 นาทีให้เดือดปุดๆ แล้วทิ้งไว้ให้แวกซ์อุ่นๆ
เอาไม้ไอติมแตะแวกซ์แล้วแตะๆดูว่าควมอุ่นระดับนี้ทนไหวไหม
เราทิ้งไว้ 4-5 นาที ก็ใช้ได้ละ



ใครที่ยังแวกซ์ไม่เป็น เราจะแวกซ์ให้ดูมาๆ

ใช้ต้นขาอันอวบอั๋นทดลองให้ดูเลยนะเนี่ย 5555

เริ่มจากทำความสะอาดร่างกายก่อนให้เรียบร้อย
เช็ดตัวให้แห้งสนิทจริงๆ ปล่อยไว้ซัก 5 นาทีแล้วลงแป้งบริเวณที่ต้องการแวกซ์
เรานี่ลงทั้งขา
แต่รูปข้างล่างนี่คือลืมลงไง ถ่ายเสร็จเพิ่งนึกได้ แล้วแสงก็หมดพอดี
นึกได้ก็โบกแป้งแล้วถ่าย
โกงนี่นา!!
เค้าขอโทษษษ


ป้ายแวกซ์ลงตรงที่ที่เราต้องการกำจัดขน แล้วปาดเนื้อออกให้บางที่สุด


เอากระดาษแปะ แล้วกดๆ ให้กระดาษกับเนื้อแวกซ์แนบสนิทกัน

เวลาดึงให้ดึงย้อนแนวขนขึ้นมา ให้เร็วที่สุด

เอ้า นับ 1 2 3 4 5 

แล้วก็ ...

แคว่กกกกกก


อาจมีเนื้อแวกซ์ติดอยู่บ้าง เพราะอย่างที่บอก คือลืมลงแป้งก่อนไง


สังเกตุว่ามันหลุดแบบถอนรากถอนโคนมาประมาณ 70-80% เลยในแผ่นแรก
คือถ้าลงแป้งมันจะออกมาถึง 90% เลย ที่เหลือจะเป็นเส้นที่ขาดท่อนบ้าง 
แต่เราไม่ซีเรียสไง แวกซ์ซ้ำอีกรอบก็เกลี้ยงแล้ว

ในรูปอาจเห็นขนไม่ชัดเท่าไหร่นะ 
เพราะขนเรามันบาง มีไม่ค่อยเยอะ แต่ก็สังเกตุเห็นได้555


แวกซ์เสร็จ เราทาเจลว่านหางจระเข้ เพื่อลดความระคายเคืองต่อผิวหนังอันบอบบางของเรา
อันนี้เป็นของแบรนด์ พฤกษาเภสัช ซื้อที่ร้านขายยาสมุนไพรแถวบ้าน 25 บาท



ข้อควรระวัง

1. ห้ามทาตอนที่แวกซ์ยังร้อนเด็ดขาด
    ไม่อย่างนั้นลวกหนังแน่ๆ น้ำเชื่อมเดือดนี่ ร้อนยิ้งกว่าน้ำต้มเดือดอีกนะ
     ถ้าไม่อยากหนักหลุดเป็นแผลเป็น อย่าใจร้อน
2. ระวังหยด เพราะมันจะเหนี่ยวและมดขึ้น
    ขนาดเรายังแอบกินอันที่ติดนิ้วเลย อร่อยเหมือนฮอลน้ำผึ้งผสมมะนาว อิอิ

สรุป

จากที่ใช้มา  เราว่าขนที่ขึ้นก็ไม่ได้ขึ้นเร็วนะ แต่ช้ากว่าตอนใช้ครีมกำจัดขน
ส่วนความหนาบางของเส้นขน ก็ไม่ได้หนาขึ้น แต่ค่อนไปทางบางลงมากกว่า แต่ก็ไม่ได้บางมาก

ใครจะใช้แวกซ์บริเวณ bikini line ใช้ได้นะ แต่ brazilian เราไม่รู้เพราะยังไม่ได้ลอง
เราลองแวกซ์ตรง bikini line แล้วแอบเลือดซิบจิ๊ดนึงอะ อาจเป็นเพราะครั้งแรกมั้ง5555
เขินว่ะ แต่ไม่เจ็บนะ ไม่รู้สึกเลย บอกเลยว่าทำแล้วมันเนียนมากจริงๆ
ไม่มี how to นะอันนี้ 55555


thanks for watching

bye^^